origin of tennis

ประวัติและที่มาของกีฬา เทนนิส

กีฬาเทนนิสแม้ว่าจะไม่ใช่กีฬายอดนิยมนักในบ้านเรา แต่ก็เคยมีคนไทยไปสร้างชื่อเสียงในระดับโลกมาแล้วด้วย อย่างภราดร ศรีชาพันธุ์ เป็นต้น กีฬาเทนนิส นับว่ามีประวัติอันยาวนานทีเดียว กีฬาชนิดนี้เกิดมาได้อย่างไร และมีการพัฒนาตัวเองอย่างไรจนมาถึงทุกวันนี้ เรามาพลิกประวัติกีฬาชนิดนี้กัน

ต้นกำเนิดของกีฬาเทนนิส

กีฬาชนิดนี้ต้นกำเนิดต้องบินไปที่ประเทศฝรั่งเศสกันเลยทีเดียว ที่นั่นช่วงศตวรรษที่ 13 ได้มีการจัดแข่งขันกีฬาชนิดหนึ่งเรียกกันว่า เจอ เดอ ปูม เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า The game of palm (เกมฝ่ามือ) วิธีการเล่นก็ไม่ยากเป็นการแข่งขันด้วยการใช้ฝ่ามือตีลูกบอลทรงกลม เพื่อโต้ตอบกันไปมา ต่อมาเพื่อให้เล่นง่ายขึ้นจึงมีการสร้างไม้แร็คเก็ตขึ้นมาตีลูกบอลแทนมือ นี่จึงเป็นต้นกำเนิดของกีฬาเทนนิส ตอนนั้นกีฬาชนิดนี้จะถูกสงวนไว้สำหรับคนชั้นสูงเล่นเท่านั้น

การนับคะแนน

ใครที่เคยดูการแข่งขันเทนนิส อาจจะงงเล็กน้อยเนื่องจากระบบการคิดคะแนนของกีฬาชนิดนี้ไม่เหมือนกับกับกีฬาชนิดอื่นเลย (แต่ละเกมจะขานแต้มเป็น 15 30 40) อันนี้ก็ต้องไปดูแนวคิดในการสร้างกีฬาชนิดนี้ขึ้นมา ตอนนั้นคนเล่นกีฬาชนิดนี้จะใช้ระบบคิดคะแนนที่เรียกว่า La Journee (ลาจูเน่) เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า 1 วัน นั่นทำให้ระบบคิดคะแนนจะใช้ระบบของวัน และเวลา เป็นเกณฑ์การนับแต้ม เดิมทีจะแข่งขันกันทั้งหมด 24 เกม แต่ละเกมจะมี 4 แต้ม แต้มละ 15 คะแนน (จะเป็น 15 30 45) หากเท่านั้นจะต้องเล่นอีก 2 แต้ม แต่วิธีนี้จะทำให้การนับแต้มนั้นเกินระบบชั่วโมงไป ( 45+15+15 = 75) เลยปรับใหม่ให้เหลือแค่ 40 แล้วเปลี่ยนเป็นแต้มละ 10 คะแนน 2 ครั้งแทน จากนั้นมีการปรับปรุงวิธีการนับคะแนนอีกหลายครั้งจนเป็นรูปแบบที่เราเห็นในปัจจุบัน

ความนิยมในศตวรรษที่ 17

กีฬาเทนนิสได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่เพียงแค่ในกลุ่มชนชั้นสูงเท่านั้น ยังแพร่หลายไปถึงคนชนชั้นทั่วไปด้วย ทำให้มีการเล่นกันแบบแพร่หลายมาก มีการสร้างคอร์ดเทนนิสเพิ่มขึ้นมากทั่วประเทศฝรั่งเศส แต่ความนิยมนี้ก็นำมาซึ่งความเสื่อมประการหนึ่งนั่นคือ การพนันขันต่อ ทำให้ต้องออกกฎหมายห้ามเล่นในที่สาธารณะขึ้นมาและกลับไปสงวนไว้เฉพาะชนชั้นสูงอีกครั้งหนึ่ง

จากฝรั่งเศส สู่อังกฤษ

แม้ฝรั่งเศสจะคิดค้นกีฬาชนิดนี้ แต่อังกฤษก็มีส่วนพัฒนาจนกลายเป็นที่รู้จักเหมือนกัน ช่วงศตวรรษที่ 18 มีคำหนึ่งเกิดขึ้นนั่นคือคำว่า เตอเน่ (Tenez) ขึ้น ชาวอังกฤษพยายามเลียนเสียงพูดคำนี้ขึ้น แต่ทำไปทำมากลายเป็นออกเสียงว่า เทนนิสไป (จึงเป็นที่มาของชื่อกีฬานี้) นอกจากนั้นยังได้นำกีฬานี้ไปเล่นกันต่อในอังกฤษอีกด้วย ปรากฏว่าได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในวังและนอกวัง จนต้องตั้งกฎ กติกา การเล่นอย่างเป็นมาตรฐานมาจนถึงทุกวันนี้เลย

admin Author